วิธีการเติมกำลังใจ

การเติมกำลังใจให้ตัวเอง


หลายคนที่อ่านบทความผมในตอนนี้อาจท้อ เหนื่อย ปวดหัวกับงานที่ทำ จากคอนเซปของผมนะครับ อยู่ที่การมอง การมองเป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้เลยครับ 
วิธีการทำให้เราหายเหนื่อยกับงานเเละมีกำลังใจสู้ต่อ

หลายคนรวมถึงตัวผมด้วยเคยเป็นใช่ไหมละครับ ไอ้ตัวขี้เกลียดเนี่ย มันก็เกิดกับทุกคนเเล้วเเต่ช่วงเวลา เวลาผมท้อกับอะไรบางอย่าง 

  • ผมจะไปมองคนที่เค้าประสบความสำเร็จก่อนครับเมื่อเรามองเเล้วเราก็คิดว่าถ้าเราเป็นแบบเค้ามันคงดี ยังงี้ก็เริ่มมีความฮึกเหิมขึ้นมาใช่ไหมละครับแต่ยังอาจมีสิ่งในใจของคุณกำลังค้านกับความคิดอยู่ เรามีวิธีต่อครับ 
  • เมื่อผมมองคนที่ประสบความสำเร็จเเล้ว ผมจะมองคนที่ยังไม่ได้ทำแบบผมครับ ทุกครั้งที่ผมมองแบบนี้จะมีกำลังใจขึ้นมาเสมอครับ 
ก็คิดว่าอย่างหน่อยๆเราก็ทำด้ทำสิ่งนี้ไม่ใช่หรอ ถึงมันจะไม่ได้อะไรเเละไม่มีใครทำ เเต่สิ่งที่คุณได้เเน่ๆคือประสบการณ์ครับ หลายคนอาจจะบอกว่าเดี๋ยวค่อยทำ ทำไปเดี๋ยวก็ล้มเหลว หรือ ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้หรอก ถ้าคุณมองอย่างงี้คุณก็จะเป็นแบบนี้ไปตลอด จริงอยู่ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเรา แต่คุณลืมไปเเล้วหรอว่า ความสำเร็จต่างๆนั้นไม่มีคำว่าฟลุคทุกอย่างเกิดขึ้นจากความล้มเหลว

คุณจะเริ่มไม่เริ่มก็เเล้วเเต่คุณแต่สิ่งที่คุณหลีกเลี่ยงไม่ได้คืออายุของคุณมันนับถอยหลังไปทุกๆวินาที

มาสร้างบุญบารมีกันเถอะ

มาสร้างบุญบารมีกันเถอะ

     สวัสดีครับวันนี้จะมาเเนะนำการสร้างบุญกัน เวลาส่วนใหญ่ของเราอยู่กับอะไร งาน facebook เเชท หรือทำงานต่างๆ ดูทีวี หรอ ?
เราเเบ่งเวลามานั่งสมาธิกันดีกว่าครับ 

นั่งสมาธิอย่างน้อยวันละ 15 นาที (หรือเดินจงกรมก็ได้)

ประโยชน์ของการนั่งสมาธิ

  • อานิสงส์ เพื่อสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นทั้งภพนี้และภพหน้า
  • เพื่อจิตใจที่สว่างผ่อนปรนจากกิเลส ปล่อยวางได้ง่าย
  • จิตจะรู้วิธีแก้ปัญหาชีวิตโดยอัตโนมัติ
  • ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับจน
  • ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพกายและจิตแข็งเเรง
  • เจ้ากรรมนายเวรและญาติมิตรที่ล่วงลับจะได้บุญกุศล

วิธีทำสมาธิแบบง่ายๆ

     ทำสมาธิเพื่อให้จิตสงบ มีพลัง มีประโยชน์ ในปัจจุบันคือทำใจให้สบาย คลายทุกข์ หนักแน่น มั่นคง อารมณ์แจ่มใส ความจำดีทั้งทำงานมีประสิทธิภาพ สุขภาพดี นอนหลับสบาย เรียนหนังสือเก่ง ที่สำคัญคือ ได้บุญ

     วิธีนั่ง ให้นั่งขัดสมาธิ คือ ขาขวาทับขาซ้าย นั่งตัวตรงหลับตาเอาสติมาจับอยู่ที่สะดือที่ท้องพอง ยุบ เวลาหายใจเข้าท้องพอง กำหนดว่า พอง หนอ ใจนึกกับท้องที่พอง ต้องให้ทันกันอย่าให้ก่อนหรือหลังกัน  หายใจออกท้องยุบ กำหนดว่ายุบ หนอ ใจนึกกับท้องที่ยุบต้องทันกันอย่าให้ก่อนหรือหลังกัน
ข้อสำคัญ ให้สติจับอยู่ที่ พอง ยุบ เท่านั้น อย่าดูลมที่จมูกอย่าตะเบ็งท้อง ให้มีความรู้สึกตามความเป็นจริงว่าท้องพองไปข้างหน้า ท้องยุบลงข้างล่างให้กำหนดเช่นนี้ตลอดไป จนกว่าจะถึงเวลาที่กำหนด

     เมื่อมีเวทนา เวทนาเป็นเรื่องสำคัญที่สุดจะต้องบังเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติเเน่นอน จะต้องมีความอดทน เพื่อเป็นการสร้างขันติบารมีไปด้วย ถ้าผู้ปฏิบัติขาดความอดทนเสียเเล้ว การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนั้นก็ล้มเหลว
     ในขณะที่นั่งหรือเดินจงกรมอยู่นั้นถ้ามีเวทนา ความเจ็บ ปวด เมื่อย คัน เกิดขึ้น ให้หยุดเดินหรือหยุดกำหนดพองยุบ ให้เอาสติไปตั้งไว้ที่เวทนาที่เกิด และกำหนดไปตามความจริงว่าปวดหนอๆๆ เจ็บหนอๆๆ เมื่อยหนอๆๆ คันหนอๆๆ เป็นต้น ให้กำหนดไปเรื่อยๆ จนกว่าเวทนาจะหายไปเมื่อเวทนาหายไปเเล้ว ก็กำหนดนั่งหรือเดินต่อไป

     จิต เวลานั่งอยู่หรือเดินอยู่ ถ้าจิตคิดถึงบ้าน คิดถึงทรัพย์สิน หรือคิดฟุ้งซ่านต่างๆ นานา ก็ให้เอาสติปักลงที่ลิ้นปี่ พร้อมกำหนดว่า คิดหนอๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจิตจะหยุดคิดแม้ดีใจ เสียใจ หรือโกรธ ก็กำหนดเช่นเดียวกันว่า ดีใจหนอๆๆ เสียใจหนอๆๆ โกรธหนอๆๆ เป็นต้น

     เวลานอน เวลานอนค่อยๆ เอนตัวนอนพร้อมกับกำหนดตามไปว่า นอนหนอๆๆๆ จนกว่าจะนอนเรียบร้อย ขณะนั้นให้เอาสติจับอยู่อาการเคลื่อนไหว ของร่างกายเมื่อนอนหลับเรียบร้อยเเล้วให้เอาสติมาจับที่ท้องเเล้วกำหนดว่า พองหนอ ยุบหนอ ต่อไปเรื่อยๆ ให้คอยสังเกตให้ดีว่าจะหลับไปตอนพอง หรือตอนยุบ

     อิริยาบถต่างๆ การเดินไปในที่ต่างๆ การเข้าห้องน้ำ การเข้าห้องส้วม การรับประทานอาหาร และการกระทำกิจกรรมงานทั้งปวง ผู้ปฎิบัติต้องมีสติกำหนดอยู่ทุกขณะ ในอาการเหล่านี้ตามความเป็นจริง คือ มีสติสัมปชัญญะเป็นปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา

สิ่งไหนที่เป็นของเรา

สิ่งไหนที่เป็นของเรา

          สิ่งที่คิดว่ามันคือสิ่งที่เป็นของเราในวันนี้แต่คุณไม่มีวันรู้ว่าพรุ่งนี้หรือวินาทีต่อไปมันจะเป็นของเราอีกหรือไม่ ทำไมผมถึงพูดแบบนี้ ก็เพราะว่าผมอยากให้ทุกคนนึกถึงความหมายของคำว่า  "คุณค่า" บางอย่างเราให้ความสำคัญกับสิ่งนั้นมาก เมื่อสูญเสียสิ่งนั้นไปท่านจึงรู้สึกเสียใจมาก ถ้าเรารู้สึกแบบนี้เราควรจะมองอีกมุมหนึ่งว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรามันเป็นส่วนประกอบของชีวิตเราเผื่อให้เราเป็นเรา เผื่อให้ชีวิตเรารู้จักคำว่า อุปสรรค รสชาติของชีวิตและอีกหลายๆคำ ให้เราเป็นคนที่เเข็งเเกร่งมากขึ้น

          ท่านจงทำเเละให้ความสำคุญในสิ่งที่ท่านคิดว่ามันจะให้ประโยชน์กับท่านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่จะให้ผลเสียลงเรื่อยๆ ท่านต้องพิจารณาให้ดีๆว่าสิ่งนั้นมีประโยชน์กับท่านจริงหรือ หลายคนมองสิ่งที่เป็นหนี้สินเป็นทรัพย์สิน ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะครับ

          สุดท้ายและท้ายสุด ผมขอให้ทุกคนใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกวัน เราไม่อาจรู้ว่าเราจะสูญเสียสิ่งไหนไปในเวลาไหน เเต่ชีวิตเราต้องดำเนินต่อไป มองคุณค่าของสิ่งมีชีวิตให้มากกว่าคุณของของสิ่งของนะครับ อย่ามองคนอื่นเป็นเเค่หมากบนกระดานของคุณเท่านั้น ในทุกๆวันเราควรจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด

จตุพล

My Happiness in view .ความสุขอยู่ที่การมอง

My Happiness in view .
ความสุขอยู่ที่การมอง



     ทุกคนคงชอบนะครับ ไอ้คำที่ทุกคนเรียกมันว่า "ความสุข" เนี่ย มันทำให้เรายิ้มหัวเราะได้เนอะ ถ้าเกิดความสุขมากๆ เช่นการประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง  มันทำให้คุณรู้ว่าฟันของคุณมีเยอะเเค่ไหนเลยละ ฮาๆๆ แต่ทุกสิ่งมักจะมีสองด้านเสมอมีสุขก็ต้องมีทุกข์
     เอาละวันนี้เราต้องมีอารมณ์อะไรสักอย่างไม่ทุกข์ก็สุข  เราเองรู้สึกได้  วันนี้เราจะมาทำให้ความทุกข์เป็นความสุขนั้นเอง การที่เรากำลังมีทุกข์เราอย่าคิดว่าเราต้องทุกข์สิ เวลาโดนใครด่าหรือว่าเราก็ตามเเต่  ถ้าเรายิ้มหรือหัวเราะอะไรมันจะเกิดขึ้น  ยิ้มแบบไม่คิดอะไร ความรู้สึกมันจะแปลกๆถ้าเราทำได้ คุณลองทำกันดูนะ ฮาๆๆ
เวลาสอบตก ถ้าเรามองมันเป็นความทุกข์ ก็คงนี้ไม่พ้นการมองว่า เดี่ยวก็ต้องซ้อม เบื่อ เซง กังวล ถ้าเราลองมองอีกมุมหนึ่งบ้างสิ  เดี๋ยวเราคงได้ทบทวนใหม่อีกรอบ และเราก็เรียนรู้ว่าถ้าเราไม่ตั้งใจให้มากกว่านี้ เราจะต้องตกอยู่ในสภาพนี้อีกครั้งเเน่ บางทีฟ้าอาจจะเเค่ส่งบทเรียนมาเตือนเราเท่านั้น ฮาๆ การมองแบบนี้น่าจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง "การที่มีสิ่งร้ายๆเข้ามาในชีวิต  ก็เพื่อทำให้เรารู้จักชีวิตมากขึ้น" คุณว่าจริงไหมละ ลองคิดดู
     เราอย่าไปกลัวหรือฟังอะไรจากคนที่เค้าไม่ชอบเรา นินทา เราครับ เพราะถ้าคุณกลัวกับสิ่งเหล่านี้ คุณคงต้องกลัวไปตลอดชีวิตละครับ   ตราบใดที่สังคมยังมีสัตว์ที่เรียนว่า "มนุษย์" อยู่ ตราบนั้นก็ยังคงมีคำนินทาเกิดขึ้นเสมอ

คำนินทาเกิดขึ้นจากคนที่เกลียดเรา
และคำนินทาเเพ่กระจายโดยคนโง่
และสุดท้ายคำนินทาก็ถูกเชื่อโดยคนบ้า

เชื่อผมเถอะว่า ไม่มีอะไรที่ทำร้ายเราได้หรอกนะครับ หมายถึง ทางด้านจิตใจเรานะ ร่างกายนั้นไม่เเน่ ฮาๆๆ 
เค้าบอกว่า "เราอย่าเอาน้ำตาราคาเเพงของเราไปเสียให้น้ำลายราคาถูกของพวกเขา"
ไม่มีใครทำร้ายตัวเราได้มากไปกว่าตัวเราเอง ถ้าเค้าทำให้เราทุกข์แค่ไหน ถ้าใจเราไม่ทุกข์ยังไงมันก็ทำอะไรใจเราไม่ได้ครับ
สุดท้ายละ  คนที่ระงับอารมณ์ได้  คือ  คนที่ไม่ทุกข์ที่สุด
                   คนที่เฉยชาได้           คือ  คนที่มีความสุขที่สุด

     ผมหวังว่าคนที่ได้อ่านบทความนี้จะเอาไปใช้และหาวิธีมองในมุมต่างๆดูนะครับหวังว่าคงมีประโยชน์สำหรับผู้อ่านนะครับ ^^

อย่ากลัว "คนที่พูดทำร้ายใจคุณ"
แต่จงกลัว "คำที่คุณจะพูดทำร้ายใจใคร"

สวัสดีครับ ^^

In love impossible ในความรักที่เป็นไม่ได้

In love impossible 
 ในความรักที่เป็นไม่ได้


"ความรักทำไมต้องเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ด้วย" > ประโยคนี้ทำให้ผมมีเเรงบรรดาลใจเขียนบทความนี้ขึ้นมา

          ความรักเป็นสิ่งที่เกิดได้กับทุกคนครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นความรักที่วัยรุ่นเรียนกันว่า "แฟน" ความรักผมเชื่อเหลือเกินว่า ทุกท่านต้องเคยได้รับหรือเคยให้มันไปกับใครสักคนหนึ่งเเน่นอนครับ ความรักเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาอยู่ที่คุณจะมองมันออกหรือไม่ เคยสังเกตุความรักบ้างไหม

ความรักทำได้ทุกอย่างจริงๆ ^^

          ความรักที่เกิดจากความเชื่อมั่น ความรักที่ให้กับสัตว์ เพื่อน คนในครอบครัว หรือเเม้แต่คนที่คุณเคยเห็นหน้าเพียงครั้งเดียวก็ตาม
สิ่งที่ความรักทำได้มันมากมายมหาศาลจริงๆครับ พลังจากความรักมันให้เราได้ทั้งบวกและลบ อยู่ที่ตัวเราจะเลือกรู้สึกกับมันด้านไหนมากกว่า เหตุการณ์เเห่งความรักก็เคยเกิดขึ้นกับผมเหมือนกันนะครับ 
มันเป็นความรักที่แปลกๆเหมือนกัน กับความรู้สึกรักคนที่เรารู้จักและค่อนข้างที่จะเป็นเพื่อนสนิทอยู่ระดับหนึ่ง
เกิดขึ้นมาก็ตอนผมขึ้น ม.4 ซึ่งเวลาพึ่งจะผ่านมาไม่นานเองนะครับ ฮาๆ คุณเชื่อไหม จากคนที่ไม่เคยที่จะทำงานพวกประดิษฐ์ประดอยอะไร แม้เเต่ระบายสีผมก็ยังไม่อยากจะหยิบมาทำเลย   แต่เธอมาเปลื่ยนชีวิตของผม  ผมตั้งใจกับการที่จะทำของขวัญให้เธอ ผมไปร้านเครื่องเขียนที่ทุกคนคงจะเคยไป ผมไป B2S เพื่อที่จะหาอุปกรณ์ทำของขวัญชิ้นนี้ให้กับเธอในวัน Valentine day ซึ่งผมคิดว่าอยากจะให้อะไรที่มันไม่เหมือนคนอื่น ในวันต่อมาผมก็ปั่นจักรยานไปร้านล้างรูปเเถวบ้าน เเละล้างรูปเธอมาประมาณ 50 รูปได้มั่งครับ และก็กลับไปลงมือทำเลยครับ ผมทำตอนเเรกมันมีอุปสรรค์นิดหน่อยคือ กาวมันติดกระดานที่ผมจะติดรูปไม่ได้  แต่ก็ลองทำหาทางไปเรื่อยๆจนเสร็จจนได้ ผมคิดว่ามันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เเต่ก็ทำไงได้ ผมทำได้เเค่นี้เเหละ ฮาๆๆๆ  เมื่อวันนั้นมาถึง ผมไม่อยากที่จะเข้าเเถวตอนเช้าหรือเรียนวิชาอะไรทั้งนั้น เพราะผมอยากจะเจอเธอ ลืมบอก เธออยู่คนละโรงเรียนกับผมนะครับ ผมนัดเจอเธอที่ห้าง นั้นเเหละ
พอเลิกเรียนเสร็จผมก็ยังไปไม่ได้ T-T เพราะติดสอบวิชาภาษาอังกฤษของครูจอมดุ กว่าจะสอบเสร็จก็ 4 โมง จะ5 โมงได้ละมั่ง และผมก็รับไปกับเพื่อนผมอีก 2 คน และเมื่อเจอเธอ เธออยู่กับเพื่อนอีก 2 คน ผมไม่ค่อยกล้าเข้าไปหาเธอ เพราะมันอายๆไงบอกไม่ถูก  และเเล้วเธอก็เดินมาคุยกับผมเเละก็ได้เดินคุยกัน เเต่ในใจผมก็รู้เเล้วว่าเธอคงไม่เลือกผมเเน่ๆ เพราะในมือเธอและกระเป๋าของเธอ มีทั้งดอกไม้เเละของขวัญเต็มไปหมด เเละเธอก็ชวนไปร้านอาหารบนห้างเเละก็นั่งทาน เธอสั่งมาทานเเค่คนเดียว ส่วนผมนั่งดูกับเพื่อนเธออีกคน รอบๆโต๊ะของเรา มีเเต่คนมาเป็นคู่ในวันนั้น ผมเริ่มรู้สึก เซงกับดีใจ ในเวลาเดียวกัน ฮาๆๆ และตอนที่เธอต่อเเถวสั่งอาหารผมก็ได้ให้โทรศัพท์ผมที่ผมเตรียมข้อความไว้ให้เธออ่าน  เเละเธออ่านจบก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฮาๆๆ และก็ได้เอาของขวัญให้เธอ และก็ไปส่งเธอกลับบ้าน ประโยคที่ผมเขียนให้เธอมันซึ่งจริงๆนะ ฮาๆ  
แต่ผมก้ไม่ได้สมหวังนะครับ เค้ามีเเฟนในวันที่ 27 กุพา ในใจตอนนั้นก็อธิบายไม่ถูกตอนนี้เพื่อนเอาบีบีมาให้ผมดู ความรู้สึกมาชาๆที่หน้า เบลอๆ ฮาๆๆ แต่ก็ผ่านมันมาได้ละ พอได้ลองนึกย้อนกลับไป ก็อดขำตัวเองไม่ได้ กูทำแบบนี้ก็เป็นหรือวะ ฮาๆๆ  
เรื่องความรักของผมก็มีเเค่นี้เเหละครับ บ๊ายบายๆ